ปัสสาวะบ่อยๆ รางบอกเหตุไตเสื่อม
ปัสสาวะสักวันหนึ่งกี่ครั้งถึงเข้าตาข่ายบ่อยครั้งเกินไป
โดยปกติคนเราจะปัสสาวะตอนกลางวันราว 3-5 ครั้งตอนเย็นถึงก่อนนอนอีกราว 1-2 ครั้ง และสำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรงจะนอนได้นาน 8 ชั่วโมงโดยไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะ ทั้งนี้เนื่องมาจากตามปกติกระเพาะปัสสาวะของเราจะเก็บน้ำปัสสาวะไว้ได้ประมาณ 150 ซีซี จึงจะรู้สึกปวดปัสสาวะ แต่ในขณะหลับก็จะเก็บน้ำปัสสาวะได้มากขึ้นพร้อมไตก็จะกลั่นปัสสาวะได้น้อยลงด้วยหากท่านใดมีการปัสสาวะบ่อยครั้งกว่านี้ เป็นพิเศษตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะนั้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายของคุณมีปัญหาบางประการ
สาเหตุปัสสาวะบ่อยในทรรศนะการแพทย์จีน
การแพทย์ตะวันตกและการแพทย์จีนมีทรรศนะที่แตกต่างกันอย่างทั้งมวลเกี่ยวกับมูลเหตุและพยาธิสภาพของอาการปัสสาวะบ่อยครั้ง สำหรับการแพทย์จีน มูลเหตุปัสสาวะบ่อยครั้งเป็นพิเศษตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะเกิดจาก ภาวะไตอ่อนแอ หลายๆ ท่านอาจเพิ่งเคยได้ยินคำนี้เป็นครั้งแรก แต่จริงๆ แล้วคำว่า ภาวะไตอ่อนแอ ได้มีการบันทึกในตำราการแพทย์จีนมาแล้วนับพันปีและไม่ใช่โรคไตในความหมายของการแพทย์ตะวันตก หากหมายถึงสภาพไตกำลังเสื่อมลง ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ทำให้ความสามารถในการขับน้ำและของเสียออกจากร่างกายของไตด้อยลง และเกิดผลกระทบต่อดุลยภาพของอิเล็กโทรไลต์และความเป็นกรดด่างในร่างกายรวมทั้งเกิดภาวะพร่องฮอร์โมนสำคัญหลายชนิดที่สร้างขึ้นจากไตและต่อมหมวดไต การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้จะนำไปสู่อาการผิดปกติของอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งอาการปัสสาวะบ่อยด้วย หากไม่มีการรักษาอย่างทันทีก็จะแก่ก่อนวัยและพัฒนาเป็นโรคร้ายต่างๆ หรืออาจเป็นโรคไตอักเสบหรือโรคไตวายได้ในที่สุด
ปัสสาวะบ่อย ต้นเหตุหลักของไตเสื่อม
สาเหตุใดทำให้ไตเสื่อมเร็วกว่าปกติ
ไตจะเสื่อมลงตามวัยตั้งแต่อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นความเสื่อมของร่างกายและไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่มีปัจจัยหลายอย่างทำให้ไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและก่อนวัยอันควร เช่น
1.พันธุกรรม บิดามารดาไม่แข็งแรงหรือมีลูกตอนอายุน้อยหรืออายุมาก หรือมีลูกหลายคน หรือตอนคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่มีการพักผ่อนและบำรุงอย่างเพียงพอ หรือคลอดก่อนกำหนด ทั้งหมดนี้จะเป็นเหตุทำให้ไตของลูกค้าอ่อนแอตั้งแต่เกิด
2.การมีเซ็กซ์มากเกินควร ทำให้ไตสูญเสียพลัง
3.ประสบอุบัติเหตุ ไตถูกกระเทือน
4.ระบบขยายพันธุ์ ทำงานเกินกำลังหรือทำงานตลอดวันตลอดคืนดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์จนอดหลับอดนอน
5.โรคยืดเยื้อต่างๆ แรงดันเลือดสูง มะเร็ง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต วัณโรค หน่วยไตอักเสบ กรวยไตอักเสบ SLE เป็นต้น
6.ปัจจัยเสี่ยงในชีวิตทุกวัน ผลข้างเคียงจาการใช้ยาเคมีเช่น ยาแก้ปวด ยารักษาสิว ยาคุม ยาปฏิชีวนะ ยาลดความดัน ยาลดความอ้วน ยาฮอร์โมน เป็นต้น ความเครียด มลภาวะเป็นพิษ ยาฆ่าแมลงที่เหลืออยู่ในผักผลไม้ สารฮอร์โมนที่สะสมในเนื้อสัตว์อาหารทะเลที่แช่ฟอร์มาลิน สารโซเดียมที่ผสมอยู่ตามอาหาร ขนมขบเคี้ยวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่น โมโนโซเดียมกลูตาเมต ผงฟู เป็นต้น อาหารรสจัด รสเค็ม อาหารและเครื่องดื่มที่ผสมสี ฯลฯ
ปัจจัยดังกล่าวล้วนส่งผลพวงอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของไต ไตจึงเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและก่อนวัยอันควร
ปัสสาวะบ่อยครั้งกับไตอ่อนแอเกี่ยวพันกันอย่างใด
หนึ่งในหน้าที่ของไตคือควบคุมความเท่าเทียมของน้ำในร่างกายโดยอาศัยพลังไฟมิ่งเหมิน จากไตในการระเหยน้ำให้กลายเป็นไอแล้วส่งไปยังปอด ปอดก็จะส่งกระจายต่อไปทั่วร่างกายส่วนน้ำส่วนที่เกินก็จะถูกขับไปยังกระเพาะปัสสาวะ ไตจะทำหน้าที่ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะเหมือนประตูกั้นน้ำ เมื่อประตูเปิดน้ำปัสสาวะก็จะไหลออกมา พอประตูปิด กระเพาะปัสสาวะก็จะเก็บน้ำปัสสาวะเอาไว้ เมื่อไตอ่อนแอลง น้ำก็ไหลล้นไปอยู่ในช่องท้องและใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบวมน้ำ ในขณะเดียวกันระบบควบคุมการเปิดปิดกระเพาะปัสสาวะของไตก็ผิดปกติไปด้วยจึงเกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะรดที่นอน ปัสสาวะบ่อยครั้งหรือปัสสาวะกะปริดกะปรอยพร้อมมีอาการอ่อนล้าเรื้อรังนอนไม่หลับ ผวาตื่น เมื่อยตามร่างกาย ขี้หนาว สมาธิไม่ดีหรือกระวนกระวายร่วมด้วย
ปัสสาวะบ่อยเกิดจากการดื่มน้ำมาก...จริงหรือไม่
ส่วนความคิดที่ปัสสาวะบ่อยควรจะมาจากการดื่มน้ำมากนั้นจริงๆ แล้วการดื่มน้ำมากทำให้ไตขับน้ำปัสสาวะออกมามากจนต้องปัสสาวะบ่อยนั้นอาจเกิดขึ้นชั่วคราว แต่จะต้องไม่มีอาการอ่อนเพลียนอนไม่หลับ สะดุ้งตื่น เมื่อยตามร่างกาย ขี้หนาวหรือภูมิแพ้ร่วมด้วยแต่ประการใด หากท่านใดมีอาการปัสสาวะบ่อยเป็นประจำร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้คาดการณ์ได้เลยว่าไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำมากเกินไปหรือภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน แต่มีสาเหตุจากภาวะไตอ่อนแอต่างหาก
ภาวะไตอ่อนแอจะแสดงอาการอื่นๆ อย่างไรบ้าง
ภาวะไตอ่อนแอ นอกจากแสดงอาการปัสสาวะบ่อยครั้งแล้วยังสามารถแสดงอาการหลายหลากตามส่วนต่างๆ ของร่างกายและอาจแสดงอาการใดอาการหนึ่งหรือหลายๆ อาการพร้อมกันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความทรุดโทรมของไต อายุและระยะเวลาที่ยืดเยื้อ
1.ระบบกล้ามและกระดูก ปวดหลังปวดเอว แขนขาโรยแรง เป็นตะคิวบ่อย หนาวปลายมือปลายเท้า ปวดข้อ กระดูกพรุน โรคเกาต์ ฯลฯ
2.ระบบภูมิต้านทาน โรคภูมิแพ้ จามหรือคัดจมูกเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง มีเสมหะ เป็นหวัดบ่อยหรือเป็นหวัดง่าย เป็นลมพิษ ฯลฯ
3.ระบบประสาท นอนไม่หลับ หลับๆ ตื่นๆ ฝันบ่อย สะดุ้งตื่น ขี้ลืม ขาดสมาธิ เวียนศรีษะ กระสับกระส่าย ไม่มีชีวิตชีวา กังวล อ่อนล้าเรื้อรัง ฯลฯ
4.ระบบทางเดินอาหาร เบื่อข้าวปลาอาหาร ไส้ปรวนแปร อุจจาระร่วงเป็นประจำ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก เป็นต้น
5.ระบบทางเดินหายใจ ระคายคอบ่อย ไอยืดเยื้อ อาการหอบหืด เป็นต้น
6.ระบบผสมพันธุ์ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ความต้องการทางเพศลดลง หลั่งเร็ว มีบุตรยากหรือแท้งบุตร ช่องคลอดไม่กระชับ เข้าสู่วัยทองก่อนวัยอันควร เป็นต้น
7.สภาพร่างกายข้างนอก ผิวหน้าหมองคล้ำ หยาบกร้าน ไม่มีเลือดฝาด มีฝ้าบนใบหน้า ใต้ตาหมองคล้ำ ทรวงอกหย่อนยาน ผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างฮวบฮาบ ฯลฯ
8.หู-ตา หูอื้อ ตาลาย น้ำในหูไม่เท่ากัน เป็นต้น
วิธีการรักษาของการแพทย์จีน
สำหรับอาการปัสสาวะบ่อยและอาการอื่นๆ ที่เกิดจากภาวะไตอ่อนแอ การแพทย์จีนแนะนำควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ถูกสุขอนามัยและควรรักษาแต่เนิ่นๆ เนื่องมาจากอาการของภาวะใตอ่อนแอมักจะเรื้อรังอย่างค่อยๆ จนเราคุ้นเคยกับความผิดปกติของร่างกายถึงขนาดลืมไปแล้วว่าตอนปกติจริงๆ นั้นเป็นอย่างใด นอกจากนี้ ผลการตรวจการทำงานของไตตามหลักการแพทย์ตะวันตกที่ต้องรอให้ไตเสียไปมากกว่า 70% ถึงจะแสดงค่า BUN และ Creatinine ที่สูงขึ้นนั้ ก็เป็นอีกมูลเหตุหนึ่งที่ทำให้คนจำนวนมากหลงผิดว่าถ้าผลการตรวจยังปกติอยู่ก็แสดงว่าไตยังแข็งแรง ในขณะที่ ที่ไตอาจเสื่อมไปมากแล้วก็ตาม วิธีการรักษาของการแพทย์จีนจะเน้นวิธีการบำรุงรักษาไตเป็นหลักเพื่อบำบัดหลายๆ อาการของภาวะไตอ่อนแอไปพร้อมๆ กัน ทั้งๆ ที่แต่ละอาการดูเหมือนจะจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันในแง่มุมของการแพทย์ตะวันตกก็ตาม เมื่อไตแข็งแรงขึ้น อาการปัสสาวะบ่อยและอาการอื่นๆ ของภาวะไตอ่อนแอก็จะค่อยๆ บรรเทาลงหรืออาจหายไปในที่สุด
ใครที่เคยคิดว่าปัสสาวะบ่อยเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว ควรเปลี่ยนความคิดเสียตั้งแต่ขณะนี้และรีบบำบัดก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
เครดิต/แหล่งที่มา: ข้อมูลดี ๆ จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ใส่อีโมชั่น ใส่อีโมชั่น